แต่ถ้าพูดกันตามหลักธรณีวิทยาแล้ว แผ่นดินไหวนั้นเกิดขึ้นจากรอยเลื่อนระเบิดใต้ดิน, การไหลหมุนเวียนของน้ำใต้ดิน, การเคลื่อนตัวของหินหลอมละลาย, ลม ความดันบรรยากาศ, คลื่นในทะเล น้ำขึ้นหรือน้ำลง ความสั่นสะเทือนจากกิจกรรมของมนุษย์เช่น การระเบิด, การชนของอุกาบาต, การระเบิดของภูเขาไฟ และแผ่นดินถล่ม เป็นต้น ด้วยความที่จีนเป็นประเทศที่เกิดธรณีไหวบ่อยครั้ง ดังนั้นในช่วงยุคฮั่นตะวันออก (ค.ศ.132) รัชกาลของฮ่องเต้ซุ่นตี้ นักดาราศาสตร์นาม “จางเหิง” (张衡) จึงได้คิดค้นประดิษฐ์เครื่องวัดแผ่นดินไหวเครื่องแรกของโลกที่เรียกว่า “โฮ่วเฟิงตี้ต้งอี๋” (候风地动仪) ซึ่งเกิดก่อนเครื่องวัดแผ่นดินไหวของชาติตะวันตกราว 1,700 ปีทีเดียว | |||||
ด้านในของเครื่องวัดฯ ประกอบไปด้วยกลไกต่างๆ ได้แก่ เสาทองแดงเป็นแกนกลาง สัมพันธ์กับลางทั้ง 8 ซึ่งเชื่อมโยงกับปากมังกรทั้ง 8 ตัวภายนอกไห เบื้องล่างมีคางคก 8 ตัวอ้าปากรอรับไข่มุกเม็ดเล็กทำจากโลหะทองแดง หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในทิศทางใด เสาทองแดงภายในไหจะเสียสมดุลและไปชนเข้ากับลางด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้มังกรอ้าปากคายเม็ดทองแดงตกใส่ปากคางคก และเกิดเสียง ทำให้ผู้คุมเครื่องทราบว่าแผ่นดินไหวนั้นเกิดขึ้น ณ ทิศทางใดและเวลาใด โดยมังกรทั้ง 8 ตัวนั้นก็คือตัวแทนของ 8 ทิศนั่นเอง ในบันทึกทางประวัติศาสตร์เคยระบุไว้ว่า เครื่องวัดแผ่นดินไหวเครื่องนี้ เคยประสบความสำเร็จในการวัดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่มณฑลกันซู่ เมื่อค.ศ.138 ในครั้งนั้นมังกรประจำทิศตะวันตกเปิดปากคายมุก ทำให้ผู้คุมเชื่อว่าทางทิศตะวันตกของเมืองลั่วหยังคงเกิดแผ่นดินไหว แต่เมื่อสอบถามกลับพบว่าทางทิศตะวันตกของเมืองนั้นไม่มีแผ่นดินไหวแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าเครื่องวัดของจางเหิงเชื่อถือไม่ได้ กระทั่งหลายวันต่อมา ม้าเร็วส่งจดหมายมารายงานว่า เมืองหล่งซัน (มณฑลกันซู่ในปัจจุบัน) ซึ่งห่างจากเมืองลั่วหยังไปทางตะวันตกอีกกว่า 1,000 ลี้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการพิสูจน์ถึงความแม่นยำและน่าเชื่อถือของเครื่องวัดธรณีไหวภูมิปัญญาจีน แม้ว่าเครื่องวัดนี้จะทำได้แค่บอกทิศทางคร่าวๆ ของแผ่นดินไหวก็ตาม แต่ก็นับว่าวิทยาการครั้งนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แก่วงการวิทยาศาสตร์โลกด้วย | |||||
แต่กระนั้นแผ่นดินไหวก็ยังเป็นมหันตภัยที่ยังไม่สามารถคาดการณ์หรือพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำได้ เมื่อปี 2006 ทางสำนักงานแผ่นดินไหววิทยา ประจำเทศบาลนครหนังหนิง เมืองเอกในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง กว่างซี (กวางสี) ถึงขั้นจะใช้งูเป็นเครื่องมือในการคาดการณ์แผ่นดินไหว โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งกล้องทั้งในตัวเมืองและฟาร์มงูในเขตอู่หมิง เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของงูตลอด 24 ชั่วโมงว่ามีพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่ไวต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินมากที่สุด และสามารถรับรู้การสั่นสะเทือนล่วงหน้า 4-5 วันแม้จะจำศีลอยู่ก็ตาม แม้ยังหาวิธีพยากรณ์แผ่นดินไหวที่แม่นยำไม่ได้ แต่ก็ยังมีวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเผชิญภัยแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่เลือกเวลาเกิด และสามารถส่งผลกระทบข้ามประเทศได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ การมีระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ ก่อนการเกิด ขณะเกิด และหลังการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับด้านวิศวกรรมที่ต้องคำนึงถึง เช่น ข้อบังคับการออกแบบและก่อสร้างอาคารต้านแผ่นดินไหวในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยการศึกษาแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว รอยเลื่อนต่างๆ การตรวจสอบอาคารสิ่งก่อสร้างเดิมมีความแข็งแรงพอที่จะต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้หรือไม่ รวมไปถึงการควบคุมการก่อสร้าง คุณภาพวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น | |||||
ปัจจุบันมีข่าวว่าจีนกำลังพัฒนาดาวเทียมที่ใช้ตรวจตราความเปลี่ยนแปลงของแม่เหล็กไฟฟ้าบนพื้นผิวโลก คาดสำเร็จภายในปี 2010 นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า การเฝ้าสังเกตการรบกวนของแม่เหล็กไฟฟ้าบนผิวโลกและในชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ (ห่างจากผิวโลก 80-100 กิโลเมตร) อย่างใกล้ชิด จะสามารถบอกเหตุแผ่นดินไหวได้ ซึ่งดาวเทียมทดลองจะตรวจจับสัญญาณแจ้งเหตุล่วงหน้าและทำการคาดการณ์อย่างแม่นยำ ทั้งนี้ การเฝ้าสังเกตด้วยดาวเทียมจะครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่าและรวบรวมข้อมูลได้เร็วกว่าการเฝ้าสังเกตภาคพื้นดิน ที่มา http://mgr.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000058642 |
จางเหิง ผู้ประดิษฐ์เครื่องวัดธรณีไหวคนแรกของโลก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น