ชนเผ่าน่าซี(纳西族) เป็นชนเผ่าที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่ ‘พาดดวงจันทร์สวมดวงดาว’ (披月戴星) อันเป็นคำกล่าวที่อ้างอิงมาจากความขยันของชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ ที่มีอาชีพหลักคือเกษตรกรรมบนพื้นที่ราบสูง และออกจากบ้านตั้งแต่แสงตะวันยังไม่ทาบขอบฟ้า และจะกลับมายังที่พักก็ต่อเมื่ออาทิตย์ตกดิน | |||||
เมื่อครั้งอดีต ชนเผ่านี้ให้ความสำคัญกับสีดำมาก โดยคำว่า น่าซี 纳西 纳 -น่า หมายถึงสีดำ และสีดำเป็นสีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เนื่องจากความสว่างเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนเท่ากับมีขอบเขต แต่ความมืดมิด ไม่สามารถมองเห็นได้ จึงไม่มีขีดจำกัด ดังนั้น คำว่า ดำจึงมีความหมายเท่ากับคำว่ายิ่งใหญ่นั่นเอง และผู้อาวุโสต้องเป็นผู้ได้สวมใส่สีที่มีความหมายสีนี้ | |||||
ปัจจุบัน ผู้หญิงน่าซีจะสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ แขนเสื้อพับขึ้นไปจนถึงข้อศอก แล้วทับด้วยชุดแสคที่ไม่มีแขน คลุมไปบนกางเกงขายาวหรือกระโปรง และคาดเข็มขัดผ้า โดยสีที่ใช้ส่วนใหญ่ คือน้ำเงิน ขาวและดำ คลายความเคร่งขรึมด้วยลายปักรูปดอกไม้ แต่สำหรับในบางพื้นที่ก็นิยมสีสันสดใส พร้อมกันนั้น ก็จะมีสายโยงเพื่อไปคล้องผืนหนังแกะอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเผ่า ผืนหนังแกะที่สะพายไว้ทางด้านหลังของสตรีชาวน่าซีนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการแต่งกายของเจ้าหล่อน และมีนัยยะสำคัญทางวัฒนธรรมไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งหนังที่เลือกใช้จะเป็นหนังแกะหรือแพะภูเขาสีขาวหรือดำเท่านั้น ทว่าในแต่ละท้องที่รูปลักษณะของหนังแกะก็จะแตกต่างกันไปบ้าง ดังเช่น ในเขตจงเตี้ยน เวยซี บนผืนหนังแกะจะไม่มีการประดับประดาใดๆ เลย ในขณะที่ผู้หญิงน่าซีในลี่เจียงจะเย็บผ้าสีน้ำเงินไว้ด้านบนของหนัง ซึ่งบนผ้าจะปักวงกลมไว้ 7 ดวง | |||||
นอกจากนั้น ในเขตลี่เจียงยังมีตำนานเล่าเกี่ยวกับหนังแกะว่า ในสมัยโบราณ ชาวน่าซีอาศัยอยู่บนดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์มาโดยตลอด แต่มีอยู่ปีหนึ่ง ปรากฏว่ามีปีศาจความแห้งแล้งออกมาอาละวาด มันปล่อยพระอาทิตย์ออกมาแผดเผาชาวน่าซีพร้อมๆกันถึง 8 ดวง สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่แล้วก็มีสตรีผู้กล้าหาญนางหนึ่ง ชื่อว่าอิงกู นางตั้งปณิธานไว้ว่าต้องเชิญเจ้าสมุทรจากทะเลตะวันออกมาช่วย ดังนั้น จึงเร่งมือเย็บเสื้อคลุมที่ทำจากขนนก 50 สีเพื่อกันแดดแล้วรีบออกเดินทางไป ระหว่างเดินทาง นางบังเอิญได้พบกับรัชทายาทองค์ที่ 3 ของเจ้าสมุทรและได้รักกัน เมื่ออิงกูได้เข้าเฝ้าเจ้าสมุทร เจ้าสมุทรก็ได้อนุญาตให้รัชทายาทเดินทางไปยังถิ่นฐานของชาวน่าซีพร้อมกับอิงกูเพื่อช่วยเหลือชาวเผ่านี้ แต่ปรากฏว่ารัชทายาทกลับเสียทีปีศาจและถูกจับขังอยู่ในบ่อลึกที่มีช้างและสิงโตเฝ้าอยู่ปากทาง เหลือเพียงอิงกูที่ต้องสู้กับปีศาจเพียงลำพัง ซึ่งการต่อสู้ได้ยืดเยื้อไปถึง 9 วัน อิงกูเหนื่อยมาก ในที่สุดก็ล้มลงบนพื้น และพื้นที่นั้นต่อมาก็ได้ชื่อว่า อิงกูตุน (英姑墩) หรือก็คือเมืองลี่เจียงในภาษาน่าซีนั่นเอง | |||||
เมื่อเห็นเหตุการณ์ลุกลามใหญ่โต ก็ถึงคราที่เทพเจ้าซันตัว(三多神) ซึ่งเป็นเทพเจ้าคุ้มครองชาวน่าซี ต้องออกโรงเอง ด้วยการแปลงร่างเป็นภูเขาหิมะขนาดใหญ่ และกลืนดวงอาทิตย์ลงไปพร้อมกันทั้ง 7 ดวง ซึ่งดวงอาทิตย์ที่เย็นลงแล้วทั้งหมดนี้ เทพเจ้าซันตัวได้แปลงให้เป็นดวงดาว 7 ดวงฝังไว้บนเสื้อคลุมขนนกของอิงกู ในกาลต่อมา เพื่อเป็นการระลึกถึงอิงกู ชาวน่าซีจึงเลียนแบบเสื้อคลุมขนนกด้วยการใช้หนังแกะมาคลุมร่าง อันมีความหมายถึงความกล้าหาญ ส่วนดวงดาวทั้ง 7 นั้น หมายถึงความพากเพียรพยายาม อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกความเห็นที่เห็นว่าหนังแกะผืนนี้ เป็นผลพวงมาจากความศรัทธาต่อกบของชาวน่าซี ที่ให้การนับถือความเฉลียวฉลาดของกบรองมาจากมนุษย์ โดยมีคำอธิบายว่าด้านบนที่เป็นสี่เหลี่ยมและด้านล่างเป็นทรงมนของผืนหนัง คล้ายกับลักษณะของตัวกบ และผ้าทรงกลม 7 ดวงนั้น ชาวน่าซีเรียกกันว่า ปาเมี่ยว(巴妙) ซึ่งแปลว่า ดวงตาของกบ . ที่มา http://mgr.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9480000054450 |
เสื้อผ้าชาวน่าซี: ตำนานเล่าแห่งความกล้าหาญ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น